สำหรับผู้เรียนที่กำลังเตรียมตัวสอบ GCSE หรือ A-Level หรือผู้ที่ต้องการจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในประเทศต่างๆ การประเมินคะแนนกสพท มีความสำคัญมากๆ เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่าเรามีความรู้และทักษะที่เพียงพอต่อการเรียนต่อหรือไม่ ดังนั้นการคำนวณคะแนนกสพทให้ถูกต้องจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้เรียนทุกคนจะต้องรู้จักกันให้ดี ลองมาเรียนรู้กันว่าทำได้อย่างไร!
1. ขั้นตอนแรก ทำความเข้าใจโครงสร้างของคะแนนกสพท
กสพท ย่อมาจาก General Certificate of Secondary Education ซึ่งเป็นการสอบระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยช่วงเวลาในการสอบปกติจะอยู่ที่ 2 ปี ในที่สุดผู้เรียนจะต้องสอบวิชาทั้งหมด 9 วิชา แต่ละวิชาจะมีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 คะแนน ดังนั้นผู้เรียนสามารถได้รับคะแนนทั้งหมด 900 คะแนนหากตอบคำถามต่างๆได้อย่างครบถ้วน บวกกับ A-Level ซึ่งเป็นการสอบระดับมัธยมศึกษาสูงขึ้น เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เป็นการสอบ 3 วิชาในระดับ Advanced โดยแต่ละวิชามีคะแนนเต็มอยู่ที่ 100 คะแนน ดังนั้นผู้เรียนสามารถได้รับคะแนนทั้งหมด 300 คะแนนหากตอบคำถามต่างๆได้อย่างครบถ้วน
2. ศึกษาข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์การสอบ
การคำนวณคะแนนกสพท หรือ A-Level ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอบอกว่าได้มีที่มาของข้อมูลให้เราศึกษามากมายแล้ว ดังนั้นเพื่อให้เรามั่นใจว่าเรากำลังคำนวณคะแนนอย่างถูกต้อง ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากหน้าเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษาที่เราสมัครสอบด้วย
3. อ่านให้เข้าใจเกี่ยวกับหลักการการคำนวณคะแนนกสพท
หลักการคำนวณคะแนนกสพท จะมีการนำคะแนนที่ได้รับมาของแต่ละโมดูล แล้วแปลงเป็นเกรดตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้จากสถาบันการศึกษา เพื่อให้เราได้คะแนนสะสมประกอบกัน ข้อควรจำคือคะแนนของแต่ละโมดูลนั้นมีน้ำหนักไม่เท่ากัน ดังนั้นการคำนวณคือ การหาค่าเฉลี่ยโมดูลของผู้เรียนและแปลงเป็นเกรดเพื่อให้ได้คะแนนสะสมไปเรื่อยๆ
4. หาคะแนนเฉลี่ย
คะแนนเฉลี่ยโดยรวมถือเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการคำนวณคะแนนสะสม การหาคะแนนเฉลี่ย ผู้เรียนจะต้องมีคะแนนทั้งหมดของแต่ละโมดูล แล้วนำคะแนนที่ได้รับมารวมกัน จากนั้นนำผลรวมนั้นไปหารด้วยจำนวนโมดูลทั้งหมด เพื่อหาค่าเฉลี่ยโมดูล นอกจากนี้ยังมีการกำหนดน้ำหนักของแต่ละโมดูลกึ่งหนึ่งในการคำนวณคะแนนสะสม ดังนั้นท่านจะต้องเข้าใจว่าแต่ละโมดูลสังเกตและนับค่าน้ำหนักที่ได้กำหนดไว้
5. แปลงคะแนนเป็นเกรด
เมื่อผู้เรียนได้คะแนนเฉลี่ยโมดูลแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือการแปลงเป็นเกรดเพื่อนำมารวมกันเป็นคะแนนสะสม
อ้างอิงจาก HSBC Education แนะนำวิธีการแปลงคะแนนสู่ระบบเกรดดังนี้
A* : 90 – 100 marks
A : 80 – 89 marks
B : 70 – 79 marks
C : 60 – 69 marks
D : 50 – 59 marks
E : 40 – 49 marks
F : 30 – 39 marks
G : 20 – 29 marks
U : 0 – 19 marks
6. ทำการนับคะแนนสะสม
หลังการแปลงคะแนนเป็นเกรดแล้ว ผู้เรียนจะต้องนำเกรดของแต่ละวิชามาบวกกันทั้งหมด เพื่อได้คะแนนสะสม
FAQs:
Q: เมื่อไหร่สอบ GCSE และ A-Level
A: สอบ GCSE มักจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือเดือนมกราคมของทุกปี ส่วน A-Level จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายนของทุกปี
Q: มีวิชาอะไรบ้างใน GCSE และ A-Level
A: วิชาที่สอบใน GCSE รวมทั้งหมด 9 วิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน อังกฤษ ภาษาต่างประเทศ วิทยาการประวัติ ศิลปะและการออกแบบ วรรณคดีและละครโรงเรียน และทักษะการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงาน
สำหรับ A-Level มีการสอบวิชา 3 วิชา โดยทั่วไปแล้วจะเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เราต้องการศึกษาต่อ ตัวอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โลกและสังคม วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ภาษาและวรรณคดี และอื่น ๆ
Q: เพื่อนของผมได้คะแนนสูงกว่าผม (ในสอบ GCSE) เป็นเพราะอะไร
A: การได้รับคะแนนสูงหรือต่ำ ไม่ได้หมายความว่าคุณกับเพื่อนของคุณมีความสามารถในการเรียนต่างกันเสมอไป กรุณาไม่ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณต้องการเสริมสร้างทักษะและความรู้เพิ่มเติม เราขอแนะนำให้ศึกษาความรู้เพิ่มเติม หรือหาแหล่งเรียนรู้ที่สามารถช่วยเสริมสร้างทักษะและความรู้ของคุณได้
Q: จะต้องทำอย่างไรเพื่อเตรียมตัวสอบจาก GCSE ไปยัง A-Level
A: เพื่อเตรียมตัวสอบ A-Level ผู้เรียนควรเตรียมพร้อมด้านบทเรียนและทักษะต่างๆ ให้ดีที่สุด การศึกษาด้วยตนเอง (self-study) และการเรียนกับติวเตอร์หรือโรงเรียนพิเศษ (tuition center) เป็นศักย์ศิลป์ในการเตรียมตัวสอบ A-Level อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้จากหนังสือ หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิชาที่เราต้องการศึกษาอีกด้วย
Q: คะแนนกสพทสำคัญต่อการเรียนต่อหรือไม่
A: ใช่ การได้รับคะแนนสูงในการสอบ GCSE และ A-Level จะมีผลต่อการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยหรืออาชีวะประเภทต่างๆ คะแนนสูงแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของนักเรียนว่ามีทักษะและความรู้ทางการศึกษาตามที่สถาบันการศึกษาต้องการ ดังนั้นถ้าคุณต้องการเรียนต่อ คะแนนกสพทคือสิ่งที่คุณต้องการรักษาอย่างสูงสุด
