ค่า r คืออะไร? เรียนรู้การวัดความสัมพันธ์บนกราฟ
**ค่า r คืออะไร? เรียนรู้การวัดความสัมพันธ์บนกราฟ**
สำหรับผู้ที่เคยเรียนหรือใช้งานตัวอย่างของกราฟแล้ว คงเคยได้ยินคำว่า “ค่า r” (r-value) มาก่อน ซึ่งเป็นตัวบอกระดับความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลบนกราฟ ก่อนที่จะเรียนรู้การวัดค่า r ให้ดูกันก่อนว่ากราฟนั้นคืออะไร
กราฟ (Graph) คือชุดของจุดหรือเส้นที่ถูกพล็อตอยู่บนระนาบสองมิติ โดยใช้แกน x และแกน y เพื่อแสดงข้อมูล จะมีกราฟที่ใช้แกน x เป็นตัวแทนเวลา และกราฟที่ใช้แกน x เป็นตัวแทนรายการ ซึ่งทั้งสองแนวคิดนี้จะช่วยให้เราเห็นผลกระทบของข้อมูลและต่อไปนี้และจะวิเคราะห์และวิสามัญเกี่ยวกับข้อมูลที่เก็บไว้ในกราฟ
**ค่า r คืออะไร?**
ค่า r เป็นตัวบอกระดับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของตัวแปรบนกราฟ โดยมีค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 และในกรณีที่ไม่มีความสัมพันธ์กันจะมีค่าเป็น 0 โดยค่า r ช่วยในการวิเคราะห์และทำนายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร อย่างไรก็ตาม ค่า r ไม่ได้บอกเกี่ยวกับสาเหตุและผลของความสัมพันธ์ แต่เป็นการบอกระดับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของตัวแปรเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มได้ดังนี้
1. ความสัมพันธ์แบบเส้นตรง (Linear Relationship)
2. ความสัมพันธ์แบบเครื่องหมายเอกเลข (Curvilinear Relationship)
3. ความสัมพันธ์แบบไม่มีอยู่จริง (No Relationship)
การวัดความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายข้อมูลสามารถทำได้โดยใช้หลักการ “correlation” ซึ่งหมายถึง ความสัมพันธ์ของคู่ของตัวแปรในการกระจายข้อมูล แม้กระนั้น correlation ไม่ได้บ่งบอกถึง causal relationships (เทศกาลตรัสอนามัย)
**เรียนรู้การวัดค่าสัมพันธ์บนกราฟ**
สำหรับการวัดค่า r ในการกระจายของข้อมูลบนกราฟจะใช้ Pearson Correlation Coefficient (PCC) ที่วัดความสัมพันธ์แบบเส้นตรง ผลลัพธ์ของ PCC ออกมาเป็นค่าระหว่าง -1 ถึง 1 เมื่อมีค่า -1 หมายถึงการกระจายข้อมูลสองตัวแปรที่มีความสัมพันธ์เชิงตรงขณะที่มีการกระจายตรงข้ามกัน ในที่ของแทนบวกตรงกันข้ามก็จะเป็นตัวเลขเชิงบวก
ในทางปฏิบัติการ การวัดค่า r สามารถทำได้โดยใช้โปรแกรม Excel โดยเลือกเมนู Data -> Data Analysis -> Correlation แล้วเลือกตัวเลือก 2 table โดยทำการเลือกช่อง correlation เชิงสัมพันธ์แบบ Pearson จากนั้น Excel จะทำการคำนวณและเรียงลำดับของค่าให้อยู่ในส่วนของคําตอบ ในปัจจุบันสามารถทำการวัดค่า r อีกหลายๆวิธี เช่น Kendall Tau, Spearman rho ซึ่งใช้ในกรณีที่ข้อมูลไม่ตรงกับแบบเส้นตรง หรือมีการกระจายสะท้อนแบบอื่นๆ
**FAQs**
Q: ค่า r คืออะไร?
A: ค่า r เป็นตัวบอกระดับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของตัวแปรบนกราฟ
Q: ช่วงค่าของ r คืออะไร?
A: ช่วงค่าของ r อยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 และในกรณีที่ไม่มีความสัมพันธ์กันจะมีค่าเป็น 0
Q: การใช้ correlation สามารถบ่งบอกถึง causal relationships ได้หรือไม่?
A: correlation ไม่ได้บ่งบอกถึง causal relationships ซึ่งกล่าวไว้ในเทศกาลตรัสอนามัย
Q: ผลลัพธ์ของคู่ของตัวแปรที่มีปริมาณมากสามารถวัดค่า r ได้ไม่?
A: วัดความสัมพันธ์โดยใช้ค่า r สามารถทำได้เมื่อมีจำนวนตัวอย่างและการกระจายที่เพียงพอโดยหลักการทั่วไป แต่เมื่อมีจำนวนตัวอย่างมากจนเกินไปแล้ว ระบบจะมีโอกาสแสดงผลลัพธ์ที่ eroded correlation บางอย่างที่เกิดจากความต่างระหว่างกระจายของค่าที่ใช้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัวและ แบ่งออกเป็นหลายgพจน์ ซึ่งการใช้ nonparametric (pertains ถึงกระบวนการที่ถูกใช้เมื่อไม่มีข้อสมมุติที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน่วยความคิด / distribution) correlation measures อาจช่วยลดปัญหานี้ได้.
Q: การกระจายของข้อมูลสามารถแบ่งกลุ่มได้กี่กลุ่ม?
A: การกระจายของข้อมูลสามารถแบ่งกลุ่มได้ 3 กลุ่มคือความสัมพันธ์แบบเส้นตรง (Linear Relationship), ความสัมพันธ์แบบเครื่องหมายเอกเลข (Curvilinear Relationship), และความสัมพันธ์แบบไม่มีอยู่จริง (No Relationship)