ประวัติ พ รีม ร ณิ ดา: บทเรียนชีวิตของคนไทยที่คว้าควุมโลก
ประวัติ พ รีม ร ณิ ดา: บทเรียนชีวิตของคนไทยที่คว้าควุมโลก
พ รีม ร ณิ ดา หรือชื่อที่คนไทยทุกคนคุ้นเคยว่า ‘ประธานาธิบดี’ เป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดียุโรป และแห่งชาติไทย ในปี พ.ศ. 2518 หรือปี 1975 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสังคมประชาธิปไตย และการผ่านการปฏิวัติฯ ซึ่งทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะความไม่แน่นอน
พ รีม ร ณิ ดา เกิดในปี พ.ศ. 2445 หรือปี ร.ศ. 1902 ที่เมืองกาญจนบุรี และเป็นลูกสาวของนายแท้จริง รัชกาลที่ 6 ย้อนกลับ ได้เรียนการศึกษาในต่างประเทศ ได้แก่ สถาบันครุศาสตร์จุฬาฯ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2463 หรือปี ร.ศ. 1920 และได้รับทุนการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาเมื่อเข้าเรียนบัณฑิตศึกษาที่การค้าระหว่างประเทศที่University of California, Los Angeles ในปี พ.ศ. 2470 หรือปี ร.ศ. 1927
หลังจากการศึกษาจบ พ รีม ร ณิ ดาได้เข้ารับตำแหน่งงานในหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งข้าราชการในสำนักงานราชบัณฑิตยสถาน หรือเป็นอาจารย์ในชื่อว่า สถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งชาติ โดยในปี พ.ศ. 2495 หรือปี ร.ศ. 1952 พ รีม ร ณิ ดาได้ถือตำแหน่งกรรมการผู้จัดการโรงเรียนชุมชนเชียงใหม่ ซึ่งทำงานอย่างหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเข้าเรียนการศึกษาในภูมิภาคเหนือและตะวันออก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 หรือปี ร.ศ. 1971 พ รีม ร ณิ ดาได้รับการเลือกให้เป็นรองประธานาธิบดีเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ไทย และหลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2518 หรือปี ร.ศ. 1975 ได้ถือตำแหน่งประธานาธิบดีไทย เป็นคนแรกที่สามารถขึ้นเป็นประธานาธิบดีในประเทศยุโรป
จากความสำเร็จในตำแหน่งประธานาธิบดี พ รีม ร ณิ ดาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการเมืองในประเทศไทย อย่างเช่นการสร้างสังคมประชาธิปไตย และการพัฒนาระบบการเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อให้มีการพัฒนาและเจริญเติบโตของประเทศไทยต่อไป
นอกจากนี้ พ รีม ร ณิ ดายังได้มีส่วนร่วมในการสร้างสถาบันการศึกษาที่สำคัญ ได้แก่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (Thammasat University) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (King Mongkut’s University of Technology Thonburi) เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาและการดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี พ.ศ. 2524 หรือปี ร.ศ. 1981 พ รีม ร ณิ ดาได้ถอนตัวจากตำแหน่งประธานาธิบดีเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้ามาร่วมรับรู้ของสามารถในการเมืองและทุกฉบับของกฎหมาย และการสมรสอย่างมีความสุขกับชาวบ้านที่อยู่ในเขตหน้าเมืองเชียงใหม่
หลังจากความสำเร็จในการประกอบอาชีพกว่า ๔๐ ปี พ รีม ร ณิ ดาได้ลุกขึ้นมาเป็นอย่างมากในฐานะของนักเขียนและนักแต่งโคลงเพลง และยังทำการแสดงคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ซึ่งพ รีม ร ณิ ดาให้เหมือนว่าเป็นบทเรียนชีวิตที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคนได้
บทเรียนชีวิตของคนไทยที่คว้าควุมโลก
พ รีม ร ณิ ดาแสดงให้เห็นถึงบทเรียนของคนไทยว่า ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมืองหรือต่างประเทศ เรายังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะของบุคคลในอาชีพ นอกจากรับสิทธิพิเศษทางการเมืองที่ประเทศไทยยังไม่มี แต่เรายังสามารถไปสร้างอนาคตใหม่ในต่างประเทศจากความหลากหลายในความคิดและวัฒนธรรมของเราเอง
เราสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ในการชี้แจ้งถึงความสำคัญของการศึกษาและเป็นแนวทางในการพัฒนาตัวเองและชุมชนได้อย่างยั่งยืน และเรายังสามารถสร้างสังคมที่เข้าใจและยอมรับถึงความแตกต่างในแต่ละกลุ่มของคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ข้อคำถามที่พบบ่อย
1. เพ รีม ร ณิ ดา ทำอะไรในช่วงชีวิตก่อนจะเป็นประธานาธิบดี?
ตอบ: เพ รีม ร ณิ ดา เกิดในปี พ.ศ. 2445 หรือปี ร.ศ. 1902 และได้เรียนการศึกษาในต่างประเทศ ได้แก่ สถาบันครุศาสตร์จุฬาฯ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2463 และได้รับทุนการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาเมื่อเข้าเรียนบัณฑิตศึกษาที่การค้าระหว่างประเทศที่University of California, Los Angeles ในปี พ.ศ. 2470
2. พ รีม ร ณิ ดา เป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดีในประเทศไหน?
ตอบ: พ รีม ร ณิ ดา เป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นเป็นประธานาธิบดียุโรปและแห่งชาติไทยในปี พ.ศ. 2518 หรือปี 1975
3. พ รีม ร ณิ ดา ทำอะไรในฐานะประธานาธิบดี?
ตอบ: พ รีม ร ณิ ดาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาและปรับปรุงระบบการเมืองในประเทศไทย อย่างเช่นการสร้างสังคมประชาธิปไตย และการพัฒนาระบบการเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อให้มีการพัฒนาและเจริญเติบโตของประเทศไทยต่อไป
4. พ รีม ร ณิ ดา ทำอะไรหลังจากถอนตัวจากตำแหน่งประธานาธิบดี?
ตอบ: หลังจากความสำเร็จในการประกอบอาชีพกว่า ๔๐ ปี พ รีม ร ณิ ดาได้ลุกขึ้นมาเป็นอย่างมากในฐานะของนักเขียนและนักแต่งโคลงเพลง และยังทำการแสดงคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
5. พ รีม ร ณิ ดา ให้เหมือนว่าเป็นบทเรียนชีวิตให้กับคนไทยอย่างไร?
ตอบ: พ รีม ร ณิ ดาแสดงให้เห็นถึงบทเรียนของคนไทยว่า ไม่ว่าจะเป็นบ้านเมืองหรือต่างประเทศ เรายังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในฐานะของบุคคลในอาชีพ นอกจกรณ์รับสิทธิพิเศษทางการเมืองที่ประเทศไทยยังไม่มี แต่เรายังสามารถไปสร้างอนาคตใหม่ในต่างประเทศจากความหลากหลายในความคิดและวัฒนธรรมของเราเอง