ฝัง มุก คืออะไร? แนะนำรู้จักโลกของการฝังมุก
ฝัง มุก คืออะไร? แนะนำรู้จักโลกของการฝังมุก
การฝังมุก หรือ “Pearl implantation” เป็นการนำมุกที่มีความชั่วช้ามาฝังลงในผิวหนังเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับผู้หญิง ซึ่งเป็นการทำที่มีความนิยมในไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยมีคนที่ให้บริการฝังมุก เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผิวหนัง และผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิวหนัง
ขั้นตอนการฝังมุก
ขั้นตอนการฝังมุกมีดังนี้
1.การตรวจสอบสุขภาพผิวหนัง – ทำการตรวจสอบความเหมาะสมของผิวหนังก่อนการฝังมุก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะที่ไม่ประสิทธิภาพ
2.การใช้ยาช่วยชา – ใช้ยาช่วยชาในการหยดและชาคลายกล้ามเนื้อที่จะเข้าใกล้นำมุกได้
3.การฝังมุก – แพทย์ จะทำการฝังมุกให้เข้าไปในผิวหนังเพื่อเพิ่มความสวยงามของผิวหนัง
4.ดูแลแผลรู – พยาบาลจะดูแลแผลรู และส่วนที่ฝังมุกเป็นพิเศษ
ข้อดีและข้อเสียของการฝังมุก
ข้อดีของการฝังมุก คือ การติดตั้งได้ง่ายและไม่มีการนอนหลับให้กับผู้รับการฝัง ความเสียคือที่ฝังมุกอาจเกิดการติดเชื้อในกรณีที่ไม่ได้ดูแลรักษาแผลรูให้เพียงพอและเนื่องจากผู้ที่ฝังมุกมีถุงเลือดเิดช้อยู่ จึงถือว่าเป็นการรักษาความสวยงามที่มีความเสี่ยงสูง
การดูแลหลังการฝังมุก
หลังการฝังมุก จำเป็นต้องรักษาแผลรูที่ตัดก่อนการฝังมุก ด้วยการเช็ดสารที่ป้องกันการติดเชื้อบ่อยครั้ง และควรทำความสะอาดรูด้วยน้ำเเละผ้าสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และนำผ้าพันแผลรูเพื่อป้องกันการรั่วไหลของเลือด
โรคและอวัยวะที่ไม่เหมาะสมกับการฝังมุก
โรคที่ไม่เหมาะสมกับการฝังมุก คือโรคต่อไปนี้
1.โรคเบาหวาน -การเจ็บปวดและการติดเชื้อสามารถจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการย่อยน้ำตาลในร่างกายของผู้ที่มีโรคเบาหวานจะไม่ถูกควบคุม
2.โรคซึมเศร้าและโรคสมองเสื่อม -ปัญหาของภาวะอารมณ์หงุดหงิดหรือโดยเฉพาะกรณีที่มีอาการโดยเฉพาะต่อการสัมผัสมุกบ่อยครั้ง
3.โรคตับแตก – การฝังมุกอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคตับแตกในผู้ที่มีการรับประทานสารก่อภูมิแพ้หรือโดยเฉพาะสารสีที่ไม่เหมาะสม
FAQs
1. การฝังมุกมีความอันตรายไหม?
การฝังมุกสามารถเป็นอันตรายได้หากไม่ได้ดูแลรักษาแผลรูให้เพียงพอ และไม่ได้ใช้วิธีการดูแลรักษาแบบถูกต้อง
2. สามารถฝังมุกได้ทุกคนไหม?
ไม่ใช่ทุกคนที่อาจมีความเหมาะสมกับการฝังมุก วิธีการฝังมุกไม่เหมาะสมสำหรับบางผู้ที่มีโรคซึมเศร้าหรือโรคสมองเสื่อม
3. การดูแลหลังการฝังมุกควรทำอย่างไร?
หลังการฝังมุก จำเป็นต้องรักษาแผลรูที่ตัดก่อนการฝังมุก ด้วยการเช็ดสารที่ป้องกันการติดเชื้อบ่อยครั้ง และควรทำความสะอาดรูด้วยน้ำเเละผ้าสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และนำผ้าพันแผลรูเพื่อป้องกันการรั่วไหลของเลือด